คอลลาเจน คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีการรวมตัวของกรดอะมิโนหลายชนิดต่อกัน เช่น glycine, proline และ hydroxyproline เป็นต้น กรดอะมิโนมีทั้งหมด 20 กว่าชนิด โดยการรวมตัวของชนิดและจำนวนที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดโปรตีนหลากหลายชนิด ร่างกายของมนุษย์มีคอลลาเจนประมาณ 30% โดยเป็นส่วนประกอบในผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ ขน และเส้นผม รวมถึงเนื้อเยื่อทั้งหมดในร่างกาย กล่าวได้ว่า ทุกส่วนของร่างกายมนุษย์มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ คอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เซลล์เชื่อมต่อกันได้ ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับร่างกาย รวมทั้งทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงสมบูรณ์ด้วย โดยคอลลาเจนมี 28 ชนิด แต่ชนิดที่สำคัญในการสร้างเส้นใยและพบมากมี 5 ชนิด คือ
- Collagen I (ชนิดที่ 1) เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุด 90% ของทั้งหมด พบที่ผิวหนัง เอ็น กระดูก ผนังหลอดเลือด
- Collagen II (ชนิดที่ 2) พบที่กระดูกอ่อน วุ้นในตา
- Collagen III (ชนิดที่ 3) พบที่ผนังหลอดเลือด เนื้อเยื่อที่สร้างใหม่ ผิวหนัง มดลูก ลำไส้
- Collagen V (ชนิดที่ 5) พบที่ผม รก ผิวเซลล์
- Collagen XI (ชนิดที่ 11) พบที่กระดูกอ่อน วุ้นในตา
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้ปริมาณการผลิตคอลลาเจนในร่างกายลดลง
ปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นได้เอง แต่ทว่าความสามารถในการสร้างคอลลาเจนในร่างกายเรานั้นเริ่มเสื่อมลงเมื่อมี อายุ 20-25 ปี และเมื่ออายุ 40 ปี ความสามารถในการสร้างคอลลาเจนนั้นก็จะลดลงไปถึงระดับครึ่งหนึ่งและเมื่ออายุ 60 ปี จะเหลือเพียงไม่ถึง 20% การขาดคอลลาเจนจะทำให้ร่างกายของเราเข้าสู่วัยชราอย่างรวดเร็ว ทั้งจากที่ร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอและจากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือผิวหนังเหี่ยวย่น เพราะคอลลาเจนทำให้ผิวหนังเต่งตึง ฉะนั้น เราควรจะบำรุงตามความเหมาะสมของอายุที่มากขึ้นด้วย และยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำลายคอลลาเจน เช่น แสงแดด แสงจากหลอดไฟ มลภาวะ อนุมูลอิสระ และความเครียด พบว่าคนที่ตากแดดมากและอยู่ท่ามกลางมลภาวะผิวหนังจะเหี่ยวย่นง่ายกว่าคนที่ ตากแดดน้อย เพราะรังสียูวีในแสงแดดจะทำลายคอลลาเจน ในแสงแดดจะมีรังสียูวีบี ซึ่งย่อมาจาก อัลตราไวโอเลตเบริน เป็นตัวทำให้ผิวไหม้ ส่วนในแสงจากหลอดไฟจะมีรังสียูวีเอ ซึ่งย่อมาจาก อัลตราไวโอเลต แอบเซนต์เบริน เป็นรังสีที่ไม่ทำให้ผิวไหม้แดง แต่จะทำลายคอลลาเจนได้มากกว่า เพราะทะลุสู่ผิวได้ลึกกว่า
เพื่อให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอ เราควรรับประทานคอลลาเจนเสริม ก็เสมือนกับการให้แหล่งวัตถุดิบของคอลลาเจนแก่ร่างกาย ซึ่งคอลลาเจนจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีข้อดีกว่าคอลลาเจนที่ได้จากการรับ ประทานเนื้อสัตว์ เพราะไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล เมื่อร่างกายได้รับคอลลาเจนแล้ว คอลลาเจนจะถูกย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นกรดอะมิโนและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยแหล่งของคอลลาเจนจากปลาจะย่อยและดูดซึมได้ง่ายกว่าคอลลาเจนจากวัว คอลลาเจนจากปลามีความปลอดภัยมากกว่าคอลลาเจนจากวัว เพราะไม่เสี่ยงกับโรควัวบ้า ควรรับประทานคอลลาเจนร่วมกับวิตามินซีเพราะจะเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมของ คอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น
การบริโภคอาหารไม่ครบห้าหมู่ ก็เป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายขาดคอลลาเจน
ความแก่ชรามิได้เป็นสาเหตุการขาดคอลลาเจนเพียงอย่างเดียว รังสีอุลตร้าไวโอเลตและนิสัยการบริโภคอาหารก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้ เกิดผลกระทบอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน ผู้คนในปัจจุบันนิยมรับประทานอาหารแบบจานด่วนหรืออาหารพร้อมทาน และรับประทานแบบเดิมซ้ำๆ กัน ฉะนั้น จึงทำให้ร่างกายมีโอกาสได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และสิ่งนี้เองที่เป็นสาเหตุให้การสร้างคอลลาเจนในร่างกายของเราลดลง ดังนั้น เราจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ดีขึ้น มักพบว่าผู้ที่รับประทานมังสวิรัติติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีผิวหนังที่ เหี่ยวย่นกว่าผู้ที่รับประทานอาหารครบถ้วน ทั้งนี้เพราะการรับประทานมังสวิรัติจะขาดกรดอะมิโนเมทไธโอนีน
ประโยชน์ของคอลลาเจน
ลดรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้ผิวหนังกระชับขึ้น
คอลลาเจนช่วยเสริมให้ร่างกายกระชับ ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชะลอความแก่ คอลลาเจนจึงกลายเป็นปัจจัยหลัก ช่วยรักษาความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย
ผิวหนังของคนเราประกอบด้วยชั้นต่างๆ ดังนี้
- Epidermis คือผิวหนังชั้นนอกสุด หรือชั้นผิวหนังกำพร้า เป็นส่วนที่ใช้สัมผัสโดยตรง และเป็นผิวหนังชั้นที่บางที่สุด
- Dermis คือผิวหนังชั้นกลาง เป็นผิวหนังชั้นที่หนาที่สุด
- Endodermis หรือ Hypodermis คือ ผิวหนังชั้นในสุด ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อต่างๆ
ผิวหนังชั้นกลางครอบคลุมถึง 95% ของผิวหนังทั้งหมด ซึ่งคอลลาเจนก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังชั้นนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นผิวหนังที่ดูอ่อนเยาว์ เต่งตึงก็เนื่องมาจากการมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบนั่นเอง แต่เมื่อร่างกายเริ่มสูญเสียคอลลาเจนหรือแม้กระทั่งร่างกายหยุดการ สังเคราะห์คอลลาเจน ส่งผลให้ผิหนังขาดความยืดหยุ่น ผิวหนังหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยรอบดวงตา ถุงน้ำใต้ตา (Pandaren Effect) เกิดฝ้า ผิวหนังหมองคล้ำ และอื่นๆ ที่ส่งผลต่อผิวหนังของเรา คอลลาเจนทำหน้าที่เปรียบเสมือนเบาะที่รองรับเส้นใยอิลาสตินในชั้นผิวหนัง เมื่อใดก็ตามที่มันยุบตัวลงปริมาณน้ำในชั้นผิวหนังลดต่ำลง ขาดความกระชับ และนั่นคือสาเหตุการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามมา ทำให้ผิวหนังเกิดความหมองคล้ำ รวมถึงอัตราการเผาผลาญในร่างกายลดลงด้วย
ชุดผลิตภัณฑ์
คอลลาเจน แมทริกซ์
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีส่วนประกอบของ
ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนจากปลา และไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน ไตรเปปไทด์
|
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีส่วนประกอบของ
ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนจากปลา และไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน ไตรเปปไทด์
|
คอลลาเจน แมทริกซ์ แอดวานซ์ เฟิร์มมิ่ง แอนด์ ไลน์ รีแพร์ริ่ง เซรั่ม
เซรั่มเข้มข้นทรงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Collagen 360 อุดมด้วยโปรคอลลาเจนและ สารสกัดจากใบ Davilla
Rugosa ลดเลือน ริ้วรอย
ช่วยให้ผิวแลดูกระชับเรียบเนียน แลดู
อ่อนเยาว์ครบทุกมิติ* ผสาน Triple Age Defense Complex ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์
และริ้วรอยลึก คืนความชุ่มชื่นสู่ผิว ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ Natural Moisturizing Complex *เมื่อใช้ประจำอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของ แต่ละบุคคล
|
คอลลาเจนช่วยเรื่องกระดูกและข้อต่อ
กระดูกของคนเรามีการเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนถึงอายุประมาณ 25 – 30 ปี จากนั้นจะเป็นการเสริมความแข็งแรงของกระดูกด้วยการสะสมมวลกระดูก จนถึงระยะมวลกระดูกสูงสุดเมื่ออายุ 35 ปี หลังจากนั้นมวลกระดูกจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุ ในวัยเด็กการสร้างมวลกระดูกจะมากกว่าการสลายมวลกระดูก จึงทำให้กระดูกใหญ่และยาวขึ้น แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นการสลายมวลกระดูกมีมากกว่าจึงทำให้เกิดภาวะ”กระดูก พรุน” ดังนั้นเพื่อความแข็งแรงสมบูรณ์ของกระดูก เราควรเสริมคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างข้อต่อของกระดูกมีกระดูกอ่อนหุ้มอยู่ ทำหน้าที่ช่วยในการประคับประคองกระดูกทั้งสองท่อนไว้ ในกระดูกอ่อนมีส่วนประกอบกว่าครึ่งก็คือคอลลาเจน ในส่วนประกอบของกระดูกคอลลาเจนจะทำหน้าที่เป็นแกนให้แคลเซียมมาเกาะ เพื่อที่จะทำให้กระดูกมีความแข็งและเหนียวมากยิ่งขึ้น หากร่างกายขาดคอลลาเจนจะทำให้ความยืดหยุ่นของกระดูกอ่อนลดลง เป็นสาเหตุของอาการปวดตามข้อและหลัง เนื่องจากกระดูกเกิดการเสียดสีกันเอง คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบในกระดูกทำหน้าที่เสริมความแข็งแรง ดังนั้น ถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนจะทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนและเปราะหักง่าย
ประโยชน์อื่นๆ ของคอลลาเจน
เส้นเลือด เนื่องจากผนังหลอดเลือดชั้นนอกสุดมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้นคอลลาเจนก็จะสลายไปบางส่วน ทำให้หลอดเลือดขาดความยืดหยุ่น คอเลสเตอรอลและเกล็ดเลือดก็จะเกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดฝอยอุดตันได้
เลนส์ตาและลูกตา ในเลนส์ตาและลูกตามีส่วนประกอบของคอลลาเจนอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อคอลลาเจนมีปริมาณน้อยลงจะทำให้การมองเห็นมีปัญหาได้
เหงือกและฟัน เพื่อความแข็งแรงของฟันควรเสริมด้วยคอลลาเจนเป็นประจำ เพราะส่วนประกอบของเหงือกส่วนใหญ่คือคอลลาเจน ดังนั้นเมื่อเหงือกแข็งแรงก็จะทำให้ฟันแข็งแรงด้วย
เส้นผมและหนังศรีษะ เนื่องจากหนังศรีษะมีส่วนประกอบของคอลลาเจน ดังนั้นถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนจะทำให้เส้นผมมีปัญหา เส้นผมขาดสารอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมร่วง เส้นผมมีขนาดเล็ก ขาดง่าย แตกปลาย และอาจเกิดผมร่วงตามมา เพื่อสุขภาพผมที่ดีเราควรเสริมด้วยคอลลาเจนเป็นประจำ
เล็บ คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของเล็บ ถ้าขาดคอลลาเจนจะทำให้เล็บเปราะบาง หักง่าย และงอกช้า การทาเล็บเป็นประจำจะทำให้คอลลาเจนในเล็บถูกทำลาย ดังนั้นเราควรเสริมด้วยคอลลเจนเป็นประจำ
การเลือกซื้อคอลลาเจน
ควรเลือกซื้อคอลลาเจนที่ผลิตมาจากปลาบริสุทธิ์ 100% เพราะมีการดูดซึมได้ดีกว่าคอลลาเจนที่ ผลิตมาจากวัวและหมู คอลลาเจนจากปลามีความปลอดภัยจากโรคมากกว่าคอลลาเจนที่ผลิตมาจากวัว เพราะอาจจะเสี่ยงจากเชื้อโรควัวบ้าได้ และควรเลือกซื้อจากผู้ขายที่เชื่อถือได้ คือ มี อย. รับรองเรื่องความปลอดภัย
ปริมาณคอลลาเจนที่แนะนำต่อวัน
ความต้องการคอลลาเจนต่อวันของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ การรับประทานอาหารของแต่ละคน และการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน การรับประทานคอลลาเจนต่อวันแนะนำ 2,500-5,000 มิลลิกรัม/วัน ควรรับประทานแบบต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งจะให้ผลดีกว่าการรับประทานคอลลาเจนในปริมาณมากแต่ไม่ต่อเนื่อง ควรรับประทานคอลลาเจนช่วงที่ท้องว่าง เช่น ตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน เพื่อประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานคอลลาเจนควรรับประทานร่วมกับวิตามินซี
รับประทานคอลลาเจนนานเท่าไร จึงจะเห็นผล
การจะเห็นผลจากการรับประทานคอลลาเจนช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัยรุ่นจะเห็นผลได้เร็วกว่า เพราะร่างกายยังมีคอลลาเจนสะสมอยู่ในปริมาณมาก แต่คนที่มีอายุมาก กว่าจะเห็นผลอาจใช้เวลานานกว่าเพราะร่างกายมีการสูญเสียคอลลาเจนไปแล้วเป็น จำนวนมาก การดูดซึมคอลลาเจน ร่างกายจะนำไปใช้ในส่วนที่จำเป็นก่อน คือ ข้อต่อ กระดูก และเส้นเลือด หลังจากนั้นจะนำมาเสริมที่ผิวหนัง เล็บ เส้นผมและหนังศรีษะ เพื่อให้ได้ผลเร็วยิ่งขึ้น ควรรับประทานคอลลาเจนร่วมกับวิตามินซี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น